Off-Page SEO ที่ถูกต้องควรทำยังไง? เสริมพลังเว็บไซต์ให้ติดอันดับอย่างยั่งยืน

Off-Page SEO ที่ถูกต้องควรทำยังไง? เสริมพลังเว็บไซต์ให้ติดอันดับอย่างยั่งยืน

บทนำ

ในโลกของการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกบน Google มีอยู่สองด้านที่ต้องทำควบคู่กัน นั่นคือ On-Page SEO และ Off-Page SEO โดยที่ Off-Page SEO เป็นส่วนที่หลายคนมักมองข้าม ทั้งที่จริงแล้ว “พลังภายนอก” เหล่านี้มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์

ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า Off-Page SEO คืออะไร, สำคัญอย่างไร, และควรทำอย่างไรให้ถูกต้อง เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณมีชื่อเสียง มีอำนาจ (Authority) และได้รับความไว้วางใจจาก Google


Off-Page SEO คืออะไร?

Off-Page SEO คือการปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพปัจจัยภายนอกเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในสายตา Google

พูดง่าย ๆ คือ การสร้าง “ภาพลักษณ์ที่ดี” ให้กับเว็บไซต์ของคุณจากภายนอก ไม่ใช่แค่ปรับหน้าเว็บให้ดีเท่านั้น

ประกอบด้วย:

  • การสร้าง Backlink จากเว็บไซต์อื่น

  • การแชร์เนื้อหาผ่าน Social Media

  • การรีวิวจากผู้ใช้งาน

  • การถูกพูดถึงในเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ

  • ความสัมพันธ์กับเว็บไซต์หรือ Influencer ในวงการ


ทำไม Off-Page SEO ถึงสำคัญ?

Google พิจารณาความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์จากหลายปัจจัย และสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ (Off-Page) มักถูกใช้เป็น หลักฐานทางสังคม (Social Proof) ว่าเว็บไซต์ของคุณดีจริงหรือไม่

“ถ้าหลายเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงเลือกอ้างอิงลิงก์ไปยังเว็บไซต์คุณ แปลว่าเนื้อหาของคุณมีคุณภาพแน่นอน”

ประโยชน์ของ Off-Page SEO:

  • เพิ่ม Domain Authority (DA) และ Page Authority (PA)

  • ช่วยให้ Google มองว่าเว็บคุณ “มีคุณค่า”

  • เพิ่มโอกาสให้ ติดหน้าแรกของ Google

  • ช่วยสร้าง Traffic จากภายนอก

  • เพิ่มโอกาสในการถูกแชร์ต่อ (Viral)


เทคนิค Off-Page SEO ที่ถูกต้อง ควรทำยังไง?

ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ Off-Page SEO ที่นิยมใช้กันและสามารถทำได้จริงในปัจจุบัน


1. สร้าง Backlink คุณภาพ (Quality Backlinks)

Backlink คือการที่เว็บไซต์อื่นลิงก์มายังเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยอันดับต้น ๆ ที่ Google ใช้ในการจัดอันดับ

✅ วิธีสร้าง Backlink:

  • Guest Post: เขียนบทความไปโพสต์ในเว็บไซต์อื่น และใส่ลิงก์กลับมายังเว็บของคุณ

  • Directory Submission: ลงข้อมูลเว็บไซต์ในเว็บสารบัญ เช่น Wongnai, BlogGang, PantipMarket

  • Web 2.0: สร้าง Blog หรือ Website เล็ก ๆ บนแพลตฟอร์มอย่าง Medium, Blogger แล้วใส่ลิงก์

  • Press Release: เขียนข่าวประชาสัมพันธ์พร้อมลิงก์กลับเว็บไซต์

  • Link Exchange (อย่างปลอดภัย): แลกลิงก์กับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องและน่าเชื่อถือ

  • Broken Link Building: หาเว็บไซต์ที่มีลิงก์เสีย แล้วเสนอให้เปลี่ยนมาเป็นลิงก์ของคุณแทน

✅ เคล็ดลับ:

  • เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ

  • ลิงก์จากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคุณ

  • หลีกเลี่ยงลิงก์จากเว็บไซต์สแปมหรือไม่มีตัวตน

  • ใช้ Anchor Text อย่างเหมาะสม


2. Social Media Signals

แม้ Google จะเคยกล่าวว่า Social Media Signals ไม่ใช่ปัจจัยโดยตรงของการจัดอันดับ แต่ในทางปฏิบัติ เว็บไซต์ที่ได้รับการแชร์มาก ย่อมได้รับ Traffic และ Engagement สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่ออันดับทางอ้อม

✅ วิธีการ:

  • แชร์บทความผ่าน Facebook, Twitter, LINE, Instagram, LinkedIn

  • เปิดให้ผู้ใช้งาน “แชร์” ได้ง่าย (ติดปุ่ม Share)

  • สร้าง Content ที่คนอยากแชร์ เช่น Infographic, วิดีโอสั้น, Q&A


3. การรีวิวและบทวิจารณ์ (Review & Ratings)

รีวิวเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของ Off-Page SEO ที่ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือและดึงดูด Google ให้เข้าใจว่าเว็บไซต์ของคุณ “ถูกพูดถึง” จากผู้ใช้งานจริง

✅ ตัวอย่าง:

  • รีวิวร้านค้าบน Google Maps

  • รีวิวสินค้าบนเว็บไซต์รีวิว

  • คำพูดจากผู้ใช้งานใน Social Media หรือ YouTube

✅ เคล็ดลับ:

  • ขอรีวิวจากลูกค้าที่พึงพอใจ

  • ตอบรีวิวทุกความคิดเห็น (ทั้งบวกและลบ)

  • ใช้ Schema Markup สำหรับแสดงดาวรีวิวใน Google


4. การทำ Influencer Marketing

การให้ Influencer ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากพูดถึงเว็บไซต์หรือแบรนด์ของคุณ เป็นวิธีที่ทั้งสร้างลิงก์ และสร้างความน่าเชื่อถือได้ในเวลาเดียวกัน

✅ แนวทาง:

  • ให้ Influencer รีวิวสินค้า / บริการ

  • แชร์ลิงก์ใน YouTube, TikTok หรือ Instagram

  • เขียนบทความรีวิวลงใน Blog ของ Influencer

อย่าลืมตรวจสอบว่าลิงก์ที่ได้เป็น DoFollow หากคุณต้องการผลทาง SEO


5. การเข้าร่วม Forum / Community

การพูดคุยและแบ่งปันความรู้ในชุมชนออนไลน์สามารถสร้างลิงก์และความน่าเชื่อถือได้

✅ ตัวอย่าง Forum ที่นิยม:

  • Pantip

  • Reddit

  • Quora

  • Stack Overflow

  • กลุ่ม Facebook / LINE ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

✅ เคล็ดลับ:

  • อย่า Spam

  • ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์

  • แนะนำเว็บไซต์ของคุณเฉพาะเมื่อเหมาะสม


6. Podcast & YouTube Marketing

การพูดถึงแบรนด์ของคุณในช่อง Podcast หรือ YouTube ไม่เพียงแต่เพิ่มโอกาสในการค้นพบ แต่ยังช่วยให้เว็บไซต์ได้รับลิงก์ในคำอธิบายวิดีโอหรือหน้ารายการอีกด้วย

✅ แนวทาง:

  • สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญในวงการ

  • แชร์เนื้อหาผ่าน Podcast / YouTube พร้อมลิงก์กลับ

  • ส่งเนื้อหาวิดีโอไปยังแพลตฟอร์มอย่าง Dailymotion, Vimeo


7. เทคนิคอื่น ๆ ที่ควรทำ

  • สร้างโปรไฟล์ในเว็บต่าง ๆ เช่น LinkedIn, Crunchbase, About.me

  • แชร์เอกสาร ผ่าน SlideShare, Scribd พร้อมลิงก์

  • สร้าง Q&A Content ในเว็บที่มีเนื้อหาหลากหลาย

  • ลงทะเบียนเว็บไซต์ในเครื่องมือ SEO เช่น Google My Business, Bing Places


ข้อควรระวังในการทำ Off-Page SEO

  • ❌ หลีกเลี่ยงการซื้อ Backlink จากเว็บไซต์ไม่มีคุณภาพ

  • ❌ หลีกเลี่ยง PBN (Private Blog Network) ที่สร้างมาเพื่อปั่น SEO

  • ❌ อย่าใช้ Anchor Text ซ้ำ ๆ มากเกินไป

  • ❌ อย่าใส่ลิงก์ในเว็บที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง


เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ Off-Page SEO

เครื่องมือใช้ทำอะไร
Ahrefsวิเคราะห์ Backlink, DA, PA
SEMrushตรวจสอบลิงก์คู่แข่ง
Mozตรวจสอบ DA, Link Profile
Google Search Consoleดูลิงก์ที่ชี้เข้ามา
BuzzSumoค้นหา Content ที่ถูกแชร์มากที่สุด

สรุป: Off-Page SEO คือการสร้างชื่อเสียงให้เว็บไซต์ในโลกภายนอก

การทำ Off-Page SEO ที่ถูกต้องไม่ใช่แค่การหา Backlink ปริมาณมาก แต่เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในโลกดิจิทัล สร้างความสัมพันธ์กับเว็บไซต์อื่น ๆ และได้รับการยอมรับจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

“ถ้า On-Page SEO คือการปรับหน้าร้านให้ดี Off-Page SEO ก็คือการทำให้คนทั้งเมืองพูดถึงร้านของคุณ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *