การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ไม่ใช่แค่การใส่คีย์เวิร์ดลงในบทความเท่านั้น แต่เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจ และการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อให้เว็บไซต์สามารถไต่อันดับในหน้าผลลัพธ์ของ Google ได้อย่างยั่งยืน หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญมากที่สุดก่อนจะเริ่มทำ SEO ก็คือ “การวิเคราะห์คีย์เว็บไซต์” ซึ่งหมายถึง การตรวจสอบและวางแผนโครงสร้างของเว็บไซต์ วิเคราะห์เนื้อหาเดิม ตลอดจนคีย์เวิร์ดเป้าหมายที่จะใช้ในการทำ SEO
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักวิธีวิเคราะห์เว็บไซต์ก่อนเริ่มทำ SEO อย่างละเอียด พร้อมตัวอย่างและเครื่องมือที่แนะนำ เพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมต้องวิเคราะห์เว็บไซต์ก่อนทำ SEO?
การวิเคราะห์เว็บไซต์ก่อนทำ SEO มีประโยชน์หลายประการ เช่น
ส่วนประกอบของการวิเคราะห์เว็บไซต์
การวิเคราะห์เว็บไซต์ก่อนทำ SEO สามารถแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่
วิเคราะห์โครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure Audit)
วิเคราะห์คีย์เวิร์ด (Keyword Research & Analysis)
วิเคราะห์เนื้อหา (Content Audit)
วิเคราะห์เทคนิค SEO (Technical SEO Audit)
เรามาดูแต่ละหัวข้อกันอย่างละเอียด
1. วิเคราะห์โครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure Audit)
ทำไมต้องวิเคราะห์โครงสร้าง?
Google ชอบเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างเป็นระเบียบ และใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เพราะจะช่วยให้บอทสามารถเข้าใจเว็บไซต์ได้ดีขึ้น
สิ่งที่ควรตรวจสอบ
การจัดหมวดหมู่ (Category/Sub-category)
เมนูนำทาง (Navigation)
การเชื่อมโยงลิงก์ภายใน (Internal Linking)
URL Friendly หรือไม่ เช่น
example.com/บริการ/seoดีกว่าexample.com/page?id=123ความเร็วของเว็บไซต์ (Page Speed)
เครื่องมือที่แนะนำ
Screaming Frog SEO Spider
Google Search Console
GTmetrix
PageSpeed Insights
2. วิเคราะห์คีย์เวิร์ด (Keyword Research & Analysis)
ทำไมการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดถึงสำคัญ?
การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม จะช่วยให้เว็บไซต์ดึงดูดผู้เยี่ยมชมที่มีโอกาสกลายเป็นลูกค้าได้มากที่สุด คีย์เวิร์ดที่ดีต้องมีปริมาณการค้นหาพอสมควร และไม่แข่งกันจนเกินไป
ประเภทของคีย์เวิร์ด
Short-tail keyword (เช่น: “รองเท้า”)
Long-tail keyword (เช่น: “รองเท้าผ้าใบผู้ชายราคาถูก”)
LSI Keyword (คำที่เกี่ยวข้อง เช่น: “Sneaker”, “แฟชั่นรองเท้า”)
Brand keyword (ชื่อแบรนด์ เช่น: “Adidas”)
วิธีวิเคราะห์คีย์เวิร์ด
ใช้เครื่องมือช่วยเช่น Google Keyword Planner, Ahrefs, SEMrush, Ubersuggest
วิเคราะห์จากคีย์เวิร์ดของคู่แข่ง
ค้นหาคำถามที่ลูกค้ามักถามผ่าน Google (ใช้ People Also Ask หรือ AnswerThePublic)
พิจารณาจาก Search Intent (จุดประสงค์ในการค้นหา) เช่น ต้องการซื้อ/ศึกษา/เปรียบเทียบ
ตัวอย่างการวางแผนคีย์เวิร์ด
| หน้าเพจ | คีย์เวิร์ดหลัก | คีย์เวิร์ดรอง |
|---|---|---|
|
หน้าแรก
|
บริการ SEO |
รับทำ SEO, ทำเว็บไซต์ติดหน้าแรก |
3. วิเคราะห์เนื้อหา (Content Audit)
เป้าหมายของ Content Audit
ตรวจสอบคุณภาพเนื้อหาที่มีอยู่แล้ว
ค้นหาเนื้อหาที่ควรอัปเดต
หาช่องว่างของเนื้อหาที่ยังไม่มี (Content Gap)
วิธีวิเคราะห์เนื้อหา
ตรวจสอบว่ามีการใส่คีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติหรือไม่
เช็คว่าเนื้อหาตรงกับ Search Intent หรือไม่
ใช้เครื่องมืออย่าง SurferSEO, Clearscope, หรือ Yoast SEO เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างและคีย์เวิร์ดในบทความ
ปรับปรุงเนื้อหาเก่า
เพิ่มคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง (LSI)
อัปเดตข้อมูลให้ทันสมัย
ใส่สื่อเสริม เช่น รูปภาพ อินโฟกราฟิก วิดีโอ
เพิ่มลิงก์ภายในไปยังบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
4. วิเคราะห์เทคนิค SEO (Technical SEO Audit)
ปัจจัยด้านเทคนิคที่ควรตรวจสอบ
ความเร็วในการโหลดหน้า (ควรไม่เกิน 3 วินาที)
ความปลอดภัย (มี SSL หรือไม่)
การแสดงผลบนมือถือ (Mobile-Friendly)
การตั้งค่า Robots.txt, Sitemap.xml
Canonical Tag ถูกตั้งไว้หรือไม่
มี Broken Link หรือไม่
การใช้ Schema Markup เพื่อช่วย Google เข้าใจเนื้อหา
เครื่องมือที่แนะนำ
Google Search Console
Ahrefs Site Audit
SEMrush Site Audit
Screaming Frog
วิเคราะห์คู่แข่งร่วมด้วย
อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการวิเคราะห์คู่แข่งในกลุ่มคีย์เวิร์ดเดียวกัน
สิ่งที่ควรวิเคราะห์จากคู่แข่ง
คีย์เวิร์ดที่คู่แข่งใช้
โครงสร้างเว็บไซต์ของคู่แข่ง
ประเภทของเนื้อหาที่ใช้ เช่น บทความ, วิดีโอ, รีวิว
ปริมาณ Backlink
ความถี่ในการอัปเดตเนื้อหา
เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์คู่แข่ง
Ahrefs
SEMrush
SimilarWeb
Google SERP (ลองค้นหาคำเป้าหมายดูว่าใครติดอันดับ)
สรุปการวางแผนจากการวิเคราะห์
หลังจากที่วิเคราะห์ทุกด้านแล้ว ให้สรุปผลเป็นแผน SEO เพื่อใช้นำไปดำเนินการ เช่น
เลือก 10-15 คีย์เวิร์ดหลัก + คีย์เวิร์ดรอง
วางแผนเขียนบทความใหม่ที่ตรงกับช่องว่างเนื้อหา
ปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์
ปรับเทคนิค SEO ให้ได้มาตรฐาน Google
สร้าง Backlink และแชร์เนื้อหาผ่านโซเชียลมีเดีย
บทสรุป
การวิเคราะห์คีย์เว็บไซต์ก่อนเริ่มทำ SEO ถือเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ เพราะช่วยให้การทำ SEO มีทิศทางที่ชัดเจน ลดการทำงานซ้ำซ้อน และสามารถวัดผลได้จริง หากคุณลงทุนเวลาในการวิเคราะห์อย่างถูกวิธี โอกาสในการไต่อันดับสู่หน้าแรกของ Google ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
จำไว้เสมอว่า SEO ไม่ใช่การทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่คือการวางกลยุทธ์จากข้อมูลที่วิเคราะห์มาอย่างดี
ใส่ความเห็น